ประเทศไทยและประเทศจีน ได้มีการร่วมหารือกันอย่างเป็นทางการ และลงนามฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2567 ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทยจะยังคงได้รับประโยชน์จากการยกเว้นวีซ่า

ล่าสุดวันที่ 28 มกราคม 2567 นายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศและรัฐมนตรีวาการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศได้ร่วมลงนามข้อตกลงและเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง

จากแรงผลักดันของการฟรีวีซ่าของทั้ง2ประเทศนั้นเป็นการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายๆด้านเช่น

 

 

ธุรกิจโรงแรม

       ธุรกิจโรงแรม เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศเยอะขึ้น ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าพักกับทางโรงแรมเพิ่มขึ้น จะทำให้ธุรกิจทางด้านโรงแรมมีการเติบโต รายได้ของทางโรงแรมก็จะเพิ่ม อัตราการเข้าพักก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามมา

 

ธุรกิจการค้าขาย

       ธุรกิจด้านการค้าขาย พ่อค้าแม่ค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น และสินค้าไทยส่วนใหญ่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวจีน อย่างเช่น สินค้า Handmade , อาหาร , เครื่องสำอาง ฯลฯ หากนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในไทยที่เพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวตามไปด้วย

 

ธุรกิจสนามบิน

        ธุรกิจสนามบิน โดยสายการบินจะมีไฟล์บินระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มมากขึ้น และราคาตั๋วก็จะถูกลงตามมาด้วย ยิ่งจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นรายได้ของสนามบินก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

ดังนั้น เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องเตรียมความพร้อมทางด้านอุสาหกรรมการท่องเที่ยวให้พร้อมกับการรับมือกับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาภายในประเทศ เพื่อฟื้นฟูรายได้ธุรกิจด้านต่างๆให้กลับมาอีกครั้ง

 

ผู้เขียน :ศศิวิมล พรเพชรวัฒนา

Message us